รีวิวซีรี่ย์ See สายตาแห่งอนาคต

รีวิวซีรี่ย์ See

รีวิวซีรี่ย์ See สายตาแห่งอนาคต

SEE เป็นละคร โทรทัศน์แนวดราม่า ดูหนังฟรี  หนังแนววิทยาศาสตร์ อเมริกันที่ See Season 1 ผลิตขึ้นสำหรับ Apple TV+และ นำแสดงโดย Jason Momoaและ Alfre Woodardในบทบาทผู้นำ ดูหนังออนไลน์  ซีรีส์นี้ดำเนินเรื่องในยุคหลังโลกล่มสลาย ในอนาคตอันไกล โพ้นซึ่งชนเผ่าตาบอดเชื่อว่าเด็กสองคนมีพลังในตำนานที่จะได้มองเห็น สิ่งต่างๆ

ซีรีส์นี้ฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2019 และได้รับการต่ออายุเป็น See Season 2 แต่การถ่ายทำล่าช้าชั่วคราวเนื่องจากการ แพร่ระบาด ของโควิด-19 การถ่ายทำเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2564 โดยซีซันที่สองจะฉายในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 Apple ประกาศว่ารายการจะต่ออายุเป็นซีซันที่สาม ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 มีการประกาศว่าซีซันที่สามจะจบซีรีส์ด้วยแปดตอนสุดท้าย ฤดูกาลสุดท้ายฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2565

รีวิวซีรี่ย์ See น่าดู

เรื่องย่อ รีวิวซีรี่ย์ See สายตาแห่งอนาคต

รีวิวซีรี่ย์  ว่าด้วยเรื่องราวในโลกอนาคต See Season 3 ซีรีส์มีการเกริ่นนำเรื่องที่น่าสนใจว่าด้วยหลังจากเหตุการณ์ไวรัสฆ่าชีวิตแพร่ระบาดในศตวรรษที่ 21 ประชากรมนุษย์โลกมีจำนวนลดลงเหลือไม่ถึง 2 ล้านคน มนุษย์ที่รอดชีวิตต้องสูญเสียการมองเห็น หลายศตวรรษต่อมาการมองเห็นเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน

กระทั่งการเอ่ยถึงถือเป็นเรื่องนอกรีต แต่ในเผ่าหนึ่งแม่คนหนึ่งดันให้กำเนิดเด็กทารกที่มองเห็นได้ถึงสองคน เป็นที่ต้องการของราชินีผู้โหดร้าย ดังนั้น Baba Voss (Jason Momoa) ต้องปกป้องลูกของเขาและเผ่าของเขาจากนักล่าแม่มดที่ราชินีส่งมา

แม้จะเป็นหนังที่พูดถึงอนาคตที่ห่างออกไปมากกว่า 500 ปี แต่หนังก็นำเสนอในมุมที่ว่าเมื่อโลกล่มสลายไปด้วยไวรัสทำลายล้างโลก ที่เหลือรอดชีวิตทั้งหมดก็ตาบอด รวมไปถึงทายาทที่เกิดมาหลังจากนี้ทุกคนก็ล้วนแต่มองไม่เห็น ทำให้วิทยาการองค์ความรู้และทุกอย่างหยุดชะงัก

หนังสือจึงหมดความหมาย ทุกอย่างที่เคยศิวิลัยก็ค่อย ๆ เสื่อมสลายพังทลายลง ทุกอย่างที่เคยศิวิไลซ์ ก็เดินเข้าสู่ยุคมืดแห่งความป่าเถื่อน จากที่เคยมีอาวุธทำลายล้างร้ายแรงเหลือเพียงมีด ธนู ขวาน หอกซัดแบบง่าย ๆ เหมือนยุคอารยธรรมแจกเริ่ม การแต่งตัวก็ ง่ายเย็บด้วยหนังสัตว์หรือผ้าแบบง่าย ๆ การสื่อสารยังใช้สัญลักษณ์เช่นใช้ควันไฟ การมัดปมเชือก การส่งข่าวโดยอาศัยสัตว์ การรบกันระหว่างเผ่าเพื่อแย่งชิงแรงงานทรัพยากร การนับถือเทพเจ้าโดยเฉพาะสุริยเทพ เทพแห่งแสงสว่าง เทพแห่งไฟ นับถือสิ่งเหนือธรรมชาติ

คติความเชื่อเรื่องโชคลางการทำนาย ในหนังเรื่องนี้นำเสนอออกมาได้ดี แล้วย้อนกลับไปตั้งคำถามที่สำคัญมากว่า ถ้าหากเทคโนโลยีพัฒนาไปถึงขีดสุดแล้ว แต่เมื่อวันใดวันหนึ่งมันล่มสลายลงมนุษย์จะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร

รีวิวซีรี่ย์ See พากษ์ไทย

ซี่รี่ย์เรื่องนี้ เป็นแนวแฟนตาซี ดราม่า

เนื่องจากมนุษย์สูญเสียคุณสมบัติด้านการมองเห็นไปแต่หนังเรื่องนี้ก็ทำให้เราเห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างทดแทน รีวิวซีรี่ย์ต่างชาติ น่าดู เช่นบางคนมีสัมผัสที่ 6 บางคนมีประสาทการรับรู้ด้วยจมูกดีมาก มากขนาดที่ว่า รับกลิ่นไปได้ไกลถึงหลายกิโลและสามารถแยกแยะกลิ่นที่ได้สัมผัสว่ามีกลิ่นของอะไรบ้าง บางคนมีสัมผัสการได้ยินที่ดีมาก See movie

ได้ยินไปด้วยไกลหลายกิโลและแยกแยะเสียงที่ได้ยินว่าเป็นเสียงของอะไร บางคนมีสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด สัญชาตญาณของนักฆ่า ซึ่งผมมองว่า ไอเดียที่ทำให้มนุษย์ตาบอดนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะสามารถเล่นอะไรได้หลายอย่าง แต่ละอย่างที่นำเสนอออกมาผมถือว่าดี

เรื่องหลักก็คือครอบครัวหนึ่งหนีการตามล่าของทีมล่าแม่มดของพระราชินี และเมื่อเด็กที่สายตาเป็นปกติดีโตขึ้น พวกเขาแม้จะถูกสั่งให้ปิดเป็นความลับแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความอยากรู้อยากเห็นของตนเองได้ ในขณะที่เดินทางหลบหนีพวกเขาได้เห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่คน ในยุคนั้นไม่ได้เห็น

เขาได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ในขณะเดียวกันคนที่มองไม่เห็นก็เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างไปพร้อมกันด้วยเช่นกัน และเพื่อไปค้นหาความหมายที่สำคัญบางสิ่งบางอย่าง เด็กสองคนจึงมีความคิดนอกคอกความคิดกบฏและความคิดที่ต้องการจะหาความเป็นตัวตนกับสิ่งที่เหมาะสมสำหรับตนเอง จนทำให้เด็ก 2 คนต้องขัดแย้งกับพ่อแม่ที่มองไม่เห็น ถือเป็นความขัดแย้งใหญ่ที่สำคัญของเรื่อง
หนังได้แสดงให้เห็นว่าแม้ คนที่มีประสาทตาดีมองเห็นได้ทุกอย่าง แต่สิ่งเดียวที่เขามีนั้น

กลับกลายเป็นว่าไม่สามารถสู้สัญชาตญาณของการมองไม่เห็นได้ เพราะ เมื่อไหร่ที่ไม่มีแสงคนที่ตาดีก็แทบจะไม่มีความหมายและคุณค่าอะไรเลย หนังแสดงในปรัชญาที่สูงมากว่า “แม้จะมองเห็นแต่ก็มืดบอด”ได้อีกปรัชญาหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ในโลกที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ล่มสลายไปแล้ว

อาจมีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นเครื่องจักรยังหลงเหลืออยู่ เครื่องจักรตัวนั้นก็จะกลายเป็นตัวแทนของเทพเจ้าไป เทพเจ้านี้สามารถทำเรื่องนี้ให้มันก็ได้ ในขณะเดียวกันก็สร้างความหายนะให้มนุษย์ได้ด้วยหนังทำให้เห็นคุณงามความดีของหนังสือ แต่หนังสือก็ยังมีมุมที่เลวร้ายทำลายล้างด้วยเช่นกัน ยิ่งมีความรู้มากเท่าไหร่ ความเป็นมนุษย์ก็น้อยลงเท่านั้น

รีวิวซีรี่ย์ See
ฉาก เอฟเฟค CG ทำได้อย่างดีเยียมสมกับเป็นหนังฟอร์มยักษ์

หนังมีการลงทุนสูง อุปกรณ์ประกอบฉากถือว่าดียิ่งใหญ่อลังการ คอมพิวเตอร์กราฟิกเนียนมาก และจุดดีสุด ๆ ก็คือการเลือกโลเคชั่นในการถ่ายทำแต่ละสถานที่สวยงดงามมาก มันพอ ๆ กับโลเคชั่น The Rord of The Rings

บท Action สวยงาม เวลาที่ Baba Voss (Jason Momoa) ร่ายรำเพลงดาบและวิธีการต่อสู้นั้นงดงามมาก ด้วยลักษณะของเขา ส่งผลเติมให้ตัวละครนี้ดีมาก เหสะมาก วิธีการฆ่ากันมีความโหดร้ายรุนแรง เลือดสาด ระดับ 18+

สำหรับใครที่ชื่นชอบ Jason Momoa จากบทกษัตริย์แห่งท้องทะเล เป็นทุนอยู่แล้ว บอกเลยว่าคุณจะกรี๊ดเขาในเรื่องนี้มากกว่าอีกถึงอย่างไรก็ตาม Series มีอยู่ด้วยกัน 8 ตอนตอนละประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ทำให้มีการดำเนินเรื่องที่มีจุดน่าเบื่ออยู่หลายจุด บางจุดค่อนข้างช้าและอืดอาด ถ้าไม่มีสาย Action ที่นาน ๆ จะมีสักทีนึงมาช่วยรับรองว่าดูไปหลับไปได้เลย

See ได้คะแนนความชื่นชอบจากนักวิจารณ์ใน Lotten Tometoes ไปได้ไม่ดีนักเพียงแค่ 44 % แต่พอมามองฝั่งคนดูกับให้ความชื่นชอบเป็นอย่างมากให้คะแนนไปถึง 84 % สิ่งนี้บ่งบอกเราได้ว่า หากเราเป็นคนดูทั่วไป ที่ดูแล้วไม่ต้องคิดไม่ต้องวิเคราะห์อะไรมากมาย ปล่อยตัวปล่อยใจ เอาความสนุกความเพลิดเพลิน ที่ผู้กำกับกับคนเขียนบทต้องการเล่าเรื่องก็เพียงพอแล้ว

นักแสดงและตัวละคร รีวิวซีรี่ย์ See สายตาแห่งอนาคต

Jason Momoa พากย์เป็น Baba Voss นักรบผู้กล้าหาญและผู้นำเผ่า Alkenny เขาเป็นสามีของ Maghra พี่ชายของ Edo Voss และเป็นพ่อบุญธรรมของ Kofun และ Haniwa เด็กๆ ที่เกิดมาพร้อมกับประสาทสัมผัสแห่งการมองเห็น เขาให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของครอบครัว เพื่อนฝูง และเผ่าในการปกป้องพวกเขาจากผู้ค้นหาแม่มด

Sylvia Hoeks พากย์เป็น Queen Sibeth Kane ผู้ปกครองอาณาจักร Payan และพี่สาวของ Maghra เธอใช้พลังของเธออย่างไร้ความปราณีและสังหารทุกคนที่เผยแพร่ความนอกรีตเกี่ยวกับการมองเห็น

Hera Hilmarรับบทเป็น Maghra Kane ผู้ซึ่งเข้าร่วมเผ่า Alkenny ในฐานะคนแปลกหน้า และในไม่ช้าก็แต่งงานกับ Baba Voss เธอเป็นน้องสาวของ Sibeth และเป็นแม่ของ Kofun และ Haniwa Maghra ปกป้องครอบครัวของเธออย่างดุเดือด จะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อให้พวกเขามีชีวิตอยู่

Christian Camargoพากย์เป็น Tamacti Jun คนเก็บภาษีของราชวงศ์ และแม่ทัพ Witchfinder แห่งกองทัพ Payan ทหารที่เก่งกาจและโหดเหี้ยม เขาได้รับมอบหมายให้ค้นหาผู้ที่มีสายตาเฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะลูกหลานของเจอร์ลามาเรล

Archie Madekwe พากย์เป็น Kofun ลูกชายของ Baba Voss และ Maghra และลูกชายผู้ให้กำเนิด Jerlamarel ผู้มีความสามารถในการมองเห็น ด้วยความเรียบร้อย รอบคอบ และเฉลียวฉลาด เขาจึงระมัดระวังตัวมากกว่า Haniwa พี่สาวฝาแฝดของเขา

Nesta Cooperพากย์เป็น Haniwa ลูกสาวของ Baba Voss และ Maghra และลูกสาวผู้ให้กำเนิด Jerlamarel ที่มีความสามารถในการมองเห็นเช่นกัน ภูมิใจ มุ่งมั่น และแข็งแกร่ง เธอเติบโตขึ้นจนกลายเป็นกบฏมากกว่าพี่ชายฝาแฝดของเธอ โคฟุน และอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับต้นกำเนิดที่แท้จริงของพวกมันมากขึ้น

Yadira Guevara-Prip พากย์เป็น Bow Lion พันธมิตรที่ดุเดือดของ Baba Voss และสมาชิกของเผ่า Alkenny เธอเป็นลูกสาวของ The Dreamer และมีทักษะของ “Shadow Warrior” ที่มีความสามารถหายากในการเคลื่อนไหวโดยปราศจากเสียงหรือกลิ่น

ข้อมูลและการวิจารณ์หนัง

เว็บไซต์รวมบทวิจารณ์ Rotten Tomatoesให้คะแนนซีซันแรก 44% จาก 52 บทวิจารณ์ โดยมีคะแนนเฉลี่ย 5.30/10 ฉันทามติที่สำคัญของเว็บไซต์อ่านว่า “แม้ว่านักแสดงที่มีความสามารถจะเห็นได้ชัดว่าเป็นเกมการพึ่งพาเลือดมากเกินไปและน่าสยดสยอง และบางครั้งก็ตลกขบขัน การเล่าเรื่องที่ซับซ้อนทำให้ มอง เห็น วิสัยทัศน์ ที่กล้าหาญ” เกี่ยวกับริติคซีรีส์มีคะแนนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 40 จาก 100 คะแนนตามความคิดเห็นจากนักวิจารณ์ 25 คน ระบุว่า ให้คะแนนการอนุมัติ อยู่ที่ 83%

ผู้อำนวยการสร้าง ฟรานซิส ลอว์เรนซ์ Steven Knight Peter Chernin เจโน่ท็อปปิ้ง
โจนาธาน ทรอปเปอร์ Kristen Campo
สถานที่ผลิต บริติชโคลัมเบีย , แคนาดา การตั้งค่ากล้อง กล้องเดี่ยว
เวลาทำงาน 49–57 นาที
Quaker ภาพเคลื่อนไหว ทรอปเปอร์อิงค์โปรดักชั่น (รุ่น 2)
Chernin Entertainment เนื้อหา Endeavour เนบิวลาสตาร์
ผู้จัดจำหน่าย บริษัท แอปเปิ้ล.
ภาษาต้นฉบับ ภาษาอังกฤษ
จำนวนฤดูกาล 3 จำนวนตอน 18

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *